แบบจำลองความสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model: DEM

 

     แบบจำลองความสูงเชิงเลข หรือ Digital Elevation Model (DEM) เป็นการแสดงลักษณะภูมิประเทศในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล โดยบันทึกค่าความสูงของพื้นผิวโลก ณ จุดต่าง ๆ ตามพิกัดเชิงภูมิศาสตร์ DEM มักถูกใช้ในการวิเคราะห์ด้านภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ วิศวกรรมโยธา การวางผังเมือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)

     ลักษณะของแบบจำลองความสูงเชิงเลข

DEM แสดงค่าความสูงของพื้นผิวโลกในรูปแบบของ ตารางกริด (grid) หรือ ตาข่ายสามเหลี่ยมไม่สม่ำเสมอ (TIN – Triangulated Irregular Network) โดยทั่วไป DEM ที่นิยมใช้จะอยู่ในรูปของกริดที่มีค่าความสูงอยู่ในแต่ละช่อง ซึ่งค่าความละเอียดของ DEM เช่น 10 เมตร, 30 เมตร, หรือ 90 เมตร จะมีผลต่อความแม่นยำในการวิเคราะห์

     DEM สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

1.       Digital Surface Model (DSM) – แสดงความสูงของพื้นผิวที่รวมวัตถุต่าง ๆ บนพื้น เช่น อาคาร ต้นไม้

2.       Digital Terrain Model (DTM) – แสดงความสูงของพื้นผิวโลกที่ลบสิ่งปลูกสร้างและพืชพรรณออกแล้ว

     แหล่งที่มาของข้อมูล DEM อาจได้มาจากหลายแหล่ง เช่น:

  • การสำรวจภาคพื้นดิน เช่น การรังวัดระดับ
  • การใช้ภาพถ่ายทางอากาศ (Photogrammetry)
  • การใช้ดาวเทียม เช่น SRTM (Shuttle Radar Topography Mission), ASTER, และ LiDAR
  • การใช้โดรน (UAV) เพื่อสร้าง DEM ความละเอียดสูงในพื้นที่ขนาดเล็ก

     การประยุกต์ใช้งาน DEM

แบบจำลองความสูงเชิงเลขมีบทบาทสำคัญในหลายสาขา เช่น:

  • การวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วมและการไหลของน้ำ
  • การวางแผนเส้นทางคมนาคม
  • การวิเคราะห์ทัศนวิสัย (Viewshed Analysis)
  • การจำลองดินถล่มหรือการกัดเซาะของดิน
  • การวิเคราะห์ศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  • การสร้างแผนที่ภูมิประเทศสามมิติ

แบบจำลองความสูงเชิงเลข (DEM) เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญในการทำงานด้านภูมิศาสตร์และวิศวกรรม โดยช่วยให้สามารถวิเคราะห์และจำลองภูมิประเทศในลักษณะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้ DEM ควรพิจารณาจากความละเอียด ความแม่นยำ และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด