Solar Orbiter printlarge

 

ESA ได้ดำเนินการวิจัย ออกแบบ และผลิตดาวเทียมสำหรับการสำรวจลมสุริยะและสำรวจพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ที่มีชื่อว่า Solar Orbiter ได้เสร็จสมบูรณ์ โดยใช้ระยะเวลาของโครงการรวมกว่า 9 ปี ด้วยความร่วมมือในการวิจัย ออกแบบ และผลิตดาวเทียมดังกล่าว กับบริษัท Airbus ณ เมือง Stevenage สหราชอาณาจักร โดยใช้งบประมาณรวมประมาณ 300 ล้านยูโร
 2
 

หลังจากที่ดาวเทียม Solar Orbiter ได้รับการออกแบบและผลิตเสร็จเรียบร้อย ดาวเทียมดังกล่าวได้ถูกเคลื่อนย้ายมาดำเนินการทดสอบต่าง ๆ ณ  Industrieanlagen Betriebsgesellschaft (IABG) Space Test Center เมือง Ottobrunn รัฐ Bavaria สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วย การทดสอบโครงสร้างเชิงกลต่าง ๆ เช่น การทดสอบการสั่นสะเทือน การทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง เป็นต้น การจำลองสภาวะในอวกาศ เช่น การจำลองการเปลี่ยนรูปของโครงสร้าง การทดสอบการทำงานและการทนต่อสภาวะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งการทดสอบการทำงานของระบบย่อยต่าง ๆ ของดาวเทียม

 3

 

ปัจจุบัน ดาวเทียม Solar Orbiter ของ ESA ได้ผ่านการทดสอบทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย และได้รับการเคลื่อนย้ายอีกครั้งจาก IABG Space Test Center ไปยังฐานยิงจรวด Cape Canaveral มลรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา เมื่อ 18 ต.ค.62 ที่ผ่านมา

 

4

 

ดาวเทียม Solar Orbiter มีกำหนดการยิงขึ้นสู่อวกาศจากฐานยิงจรวด Cape Canaveral ในวันที่ 5 ก.พ.63 โดยจรวด Atlas V ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี 6 เดือน ในการเดินทางไปยังวงโคจรที่ต้องการ (Operational Orbit) ผ่าน Gravity Assist จากโลกและดาวศุกร์ โดยวงโคจรมีลักษณะเป็นวงรีที่มีระยะ Periapsis (Perihelion) 0.28 AU และ Apoapsis (Aphelion) 0.9 AU (1 AU = 1.496×1011 m) มีค่าความเอียงของวงโคจร (Inclination) 0 องศา และคาบการเคลื่อนที่ (Period) 150 วัน

 5

 ดาวเทียม Solar Orbiter มีกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจ (Mission Duration) ที่คาดไว้เป็นระยะเวลา 7 ปี ซึ่งหากดาวเทียมดังกล่าวยังสามารถปฏิบัติภารกิจได้เกินจากระยะเวลา 7 ปี ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติภารกิจ (Mission Operations Centre : MOC) ที่ตั้งอยู่ที่ European Space Operations Centre (ESOC) เมือง Darmstadt สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จะปรับค่าความเอียงของวงโคจรผ่าน Gravity Assist จากดาวศุกร์ จาก 0 องศา เป็น 15 องศา เพื่อให้ Solar Orbiter โคจรผ่านบริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้น

 

update2019 10 25 esa

 

ที่มาของข่าว

https://www.dlr.de

https://www.esa.int

แปลและเรียบเรียงโดย

น.ท.อิทธิ  ยุทธยานนท์