 |
| Super-Computer บนสถานีอวกาศนานาชาติ มีเป้าหมายที่จะนำการประมวลผลบน " Cloud" มาใช้กับนักบินอวกาศในอวกาศ และเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการวิเคราะห์วงโคจร |
| แคปซูลบรรทุกสินค้าของ SpaceX ได้ส่งมอบอุปกรณ์ที่เรียกว่า The Spaceborne Computer ไปยังสถานีอวกาศในเดือนสิงหาคม 2017 หลังจากการทดสอบมานานกว่าหนึ่งปี ทุกอย่างก็พร้อมแล้วที่จะนำ “Cloud” มาสู่นักบินอวกาศเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็น Cloud ที่เหนือกว่า Cloud ทั่วไป Super-Computer เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกัน ในสถานีอวกาศนานาชาติ contains 32 "cores" เร็วกว่า iPhone หรือแท็บเล็ต 30 ถึง 100 |
| NASA ต้องการทราบว่า Super-Computer ที่ซื้อมาจะสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของอวกาศ ท่ามกลางแรงโน้มถ่วง การแผ่รังสี และไฟฟ้าดับเป็นครั้งคราว ซึ่งทางผู้ผลิตได้มีการยืนยันการทดสอบทั้งหมดตามความต้องการของ NASA แล้ว เป้าหมายของการนำ Super-Computer มาใช้ในอวกาศ คือ เพื่อให้นักบินอวกาศสามารถทำการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ในอวกาศได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังโลกก่อน ปัจจุบันการเชื่อมต่อระหว่างอวกาศและโลกอาจช้าและไม่น่าเชื่อถือ การเชื่อมต่อมักจะขาดหายไปและอาจมีช่องว่างในการสื่อสารนานหลายวินาทีหรือมากกว่านั้น |
| ในการเดินทางไปยังดาวอังคารในอนาคตซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายล้านไมล์ความล่าช้าในการสื่อสารอาจใช้เวลา 20 นาทีหรือมากกว่านั้น แต่การทดสอบ Super-Computer ในอวกาศที่ระยะใกล้ 250 ไมล์ (400 กิโลเมตร) เหนือโลกจะสามารถช่วยพัฒนาคอมพิวเตอร์อวกาศในอนาคตให้การส่งข้อมูลใช้เวลาน้อยกว่าเดิมได้ |
| ที่มา : https://phys.org/news/2018-11-super-computer-cloud-astronauts-space.html แปลและเรียบเรียงโดย เรืออากาศตรี วรวุฒิ เฟื่องคำ |
Super-Computer ทำให้นักบินอวกาศเข้าถึง “Cloud” ได้ในอวกาศ
- รายละเอียด
- หมวดหลัก: กองลาดตระเวนและเฝ้าตรวจทางอวกาศ
- หมวด: ข่าวเทคโนโลยีอวกาศ
- ฮิต: 446