20210309 2
 
            Vega C หรือ Vega Consolidated เป็นจรวดรุ่นใหม่ในจรวดนำส่งขนาดเล็กของยุโรป พัฒนาโดยบริษัท Avio ภายใต้การลงทุนโดยองค์กรอวกาศยุโรป (European Space Agency) ที่มีขุมพลังเหนือกว่าจรวดตระกูล Vega รุ่นก่อน มีขีดความสามารถรองรับการนำส่งน้ำหนักของโหลดไปยังวงโคจรรอบโลกระดับต่ำ (Low Earth Orbit, LEO) ได้มากถึง 2,300 กก. หรือมากกว่าประมาณ 60 % ของจรวดรุ่นก่อน แต่องค์ประกอบต่าง ๆ ยังเหมือนเดิม จรวดประกอบระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแข็ง 3 ช่วงและระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเหลวช่วงปลาย 1 ช่วง โดยทุกองค์ประกอบจะต้องผ่านการทดสอบก่อนทำการยิงนำส่งสู่อวกาศ
 
            จรวด Vega-C จะพัฒนาในช่วง Zefiro 9 (Zefiro 9 Stage) ซึ่งได้ปรับปรุงให้มีพลังงานที่เหนือกว่าจรวดรุ่นเดิมในตระกูล Vega โดยเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเหลวแบบ Restartable (Restartable Liquid-fueled Engine) ระหว่างช่วง AVUM Plus หรือช่วงปลายก่อนนำส่ง Payload (ดาวเทียม) เข้าสู่วงโคจร
 
            เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของ Vega C มีภารกิจนำส่งดาวเทียม LARES 2 (Laser Relativity Satellite 2) สำหรับองค์กรอวกาศของอิตาลี (Italian Space Agency-ASI) ซึ่งดาวเทียมมีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 เซนติเมตร และมีมวลขนาด 395 กก. โดย Payload หรือดาวเทียมที่ได้บรรทุกไปครั้งนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ได้มีการพัฒนาขึ้นจากดาวเทียมที่ได้มีการส่งขึ้นไปกับเที่ยวบินแรกโดยจรวดในปี ค.ศ.2012 โดย LARES 2 จะอยู่วงโคจรที่ระดับความสูง 6,000 km ด้วยความเอียง 70°.
 
20210309 3
ภาพการเปรียบเทียบระหว่างจรวด Vega และ Vega C
 
            Vega C จะมีความยืดหยุ่นมากกว่ารุ่นก่อน ๆ สามารถเพิ่มส่วนการตลาดของดาวเทียมวงโคจรรอบโลกระดับต่ำของ Vega จาก 50% เป็น 90% จรวดยังสามารถรองรับการนำส่งดาวเทียมในลักษณะที่แตกต่างกันได้ด้วยชุด Adapter จำนวน 3 แบบ แบบแรกคือ VESPA C สำหรับการนำส่งดาวเทียมแบบ Cubesats หรือ Microsats จำนวน 2 ดวง ต่อมาคือ VAMPIRE ที่สามารถนำส่งดาวเทียมหลักได้หนึ่งดวง และขนาดเล็กได้อีกหนึ่งดวง และสุดท้าย Small Spacecraft Mission Service (SSMS) ในเที่ยวบิน VV16 เมื่อกันยายน ค.ศ.2020 ที่สามารถบรรทุกดาวเทียมขนาดเล็กได้จำนวน (เที่ยวบิน VV16 จำนวน 53 ดวง )
 
เรียบเรียบและแปลโดย ร.ท.สุทธิพงษ์ โตสงวน
ที่มา : https://spacenews.com/vega-c-a-new-generation-launcher/