20201027
 
            หอดูดาว SOFIA (Stratospheric Observatory For Infrared Astronomy ได้ยืนยันการค้นพบน้ำบนพื้นที่สว่างบนผิวดวงจันทร์ การค้นพบครั้งนี้เป็นตัวบอกได้ว่าน้ำนั้นกระจายทั่วไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ ไม่จำกัดเพียงแต่พื้นที่เย็น หรือเงามืดเท่านั้น
 
            หอดูดาว SOFIA สามารถตรวจโมเลกุลของน้ำ (H2O) บริเวณในหลุม Clavius (Clavius Crater) หนึ่งในหลุมที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถเห็นได้บนโลก โดยหลุมนี้อยู่บริเวณครึ่งวงกลมทางใต้ของดวงจันทร์ การสำรวจครั้งก่อนจะสามารถตรวจพบแค่เพียงรูปบางอย่างของไฮโดรเจนเท่านั้น จะไม่สามารถแยกระหว่างน้ำและสารอินทรีย์ที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง ไฮดรอกซิล (OH) ได้ ข้อมูลจากพื้นที่นี้ทำให้เห็นถึงความแน่นของน้ำประมาณ 100 -142 ส่วนต่อจำนวน 1 ล้านส่วน (อย่างคร่าวๆ) โดยเทียบได้กับปริมาณน้ำเท่าขวดน้ำขนาด 12 ออนซ์ ถูกอัดไว้ในติดขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร ที่ถูกกระจายไปทั่วพื้นผิวดวงจันทร์
 
            หอดูดาว SOFIA หรือเครื่องบิน 747SP Jetliner ที่ดัดแปลงโดยติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 106 นิ้ว ทำการบินขึ้นไปในระดับ 45,000 ฟุต จุดที่สูงกว่า 99% ของระดับไอน้ำบนชั้นบรรยากาศโลก เพื่อมุมมองที่ชัดเจนขึ้นในการใช้ กล้องอินฟราเรดเพื่อศึกษาวัตถุอันลางเลือนสำหรับกล้องโทรทรรศน์โซเฟีย (Faint Object infraRed CAmera for the SOFIA Telescope-FORCAST) โดยหอดูดาว SOFIA ที่สามารถจับความยาวคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ของโมเลกุลน้ำขนาด 6.1 ไมครอน รวมถึงความหนาแน่นมีปริมาณค่อนข้างน่าประหลาดใจบริเวณในหลุม Clavius
 
20201027 1
This illustration highlights the Moon’s Clavius Crater with an illustration depicting water trapped in the lunar soil there, along with an image of NASA’s Stratospheric Observatory for Infrared Astronomy (SOFIA) that found sunlit lunar water.
Credits: NASA/Daniel Rutter
 
            มีหลายแนวความคิดที่จะหาคำตอบของที่มาของน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ บ้างก็ว่ามาจากฝนอุกกาบาตขนาดไมโครเมตร หรือ Micrometeorites (ไมโครเมตร = 1 ใน 10,000 ส่วน ของ 1 เซนติเมตร) ที่ตกมายังดวงจันทร์ ได้นำเอาจำนวนขนาดเล็ก ๆ มาด้วย โดยน้ำจะถูกเก็บไว้บนพื้นผิวของดวงจันทร์หลังจากนั้น
 
20201027 2

Micrometeorites raining down on the lunar surface
Image Source : NASA

 
            อีกหนึ่งความเป็นไปได้คือ อาจจะเกิดจาก 2 กระบวนการ การที่ลมสุริยะได้ลำเลียงไฮโดรเจนมายังพื้นผิวดวงจันทร์ และมีปฏิกิริยาทางเคมีกับอ๊อกซิเจนที่มากับแร่ธาตุในดินทำให้เกิดเป็น ไฮดรอกซิล (Hydroxyl) ในขณะเดียวกันรังสีที่แผ่มาจากการระเบิดของอุกกาบาตขนาดไมโครเมตรแปลงสารอินทรีย์ ไฮดรอกซิล เป็นน้ำในที่สุด
 
20201027 3
Sun’s solar wind delivers hydrogen to the lunar surface
Image Source : NASA
 
            หลังจากนี้จะมีการสำรวจเพื่อติดตามผล การค้นหาน้ำบริเวณที่มีแสงสว่างบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่อื่น ๆ และช่วงเวลาที่แตกต่างกัน สำหรับศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเกิดน้ำ การถูกเก็บไว้ และการเคลื่อนที่ย้ายข้ามดวงจันทร์ โดยข้อมูลจะถูกเพิ่มเข้าไปในภารกิจดวงจันทร์ในอนาคตของนาซ่า เช่น (VIPER NASA’s Volatiles Investigating Polar Exploration Rover) เพื่อจะสร้างแผนที่แหล่งน้ำแรกบนดวงจันทร์สำหรับการสำรวจอวกาศโดยมนุษย์ (Human Space Exploration)
 

แปลและเรียงโดย :ร.ท.สุทธิพงษ์  โตสงวน
                             นปก.ผปก.กลฝอ.ศปอว.ทอ